สรุป 12 ทักษะชีวิตสำหรับเด็กวัย 9 ขวบ ที่พ่อแม่ควรรู้

1. ทักษะชีวิตสำคัญกับเด็กวัย 9 ขวบแค่ไหน?

ทักษะชีวิตสำหรับเด็กวัย 9 ขวบ เป็นพื้นฐานสำคัญที่พ่อแม่ควรรู้ เพราะช่วงวัย 9-15 ปี เป็นช่วงเริ่มต้นของวัยรุ่น เด็กจะมีการเปลี่ยนแปลงทั้งทางร่างกายและจิตใจ การเสริมทักษะชีวิตจึงช่วยให้ลูกเติบโตอย่างมั่นใจ

เมื่อตอนเล็ก เด็ก ๆ ได้รับการดูแลจากพ่อแม่ทุกอย่าง ตั้งแต่อาหารจนถึงการนอนหลับ แต่เมื่อเข้าสู่ช่วงวัยนี้ เด็กต้องเริ่มเรียนรู้ความเป็นอิสระ ทั้งเรื่องการใช้ชีวิตและการบริหารเวลา ดังนั้น ความรักที่ดีที่สุด คือการสอนลูกให้มีทักษะชีวิตที่จำเป็น เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเติบโตและอนาคตที่สดใส

2. ทักษะชีวิตที่พ่อแม่ควรรู้สำหรับเด็กวัย 9 ขวบ

2.1. ทักษะการสื่อสารและการฟัง

ทักษะการสื่อสารและการฟังจะช่วยให้เด็กวัย 9 ขวบสามารถเข้ากับเพื่อน คุณครู และคนรอบข้างได้ดี พ่อแม่ควรส่งเสริมให้ลูกพูดคุยอย่างมั่นใจ รู้จักทักทาย ขอบคุณ ถามไถ่ และมีมารยาทกับทุกคน แม้แต่คนที่เพิ่งพบกันเป็นครั้งแรก

นอกจากการสอนให้ลูกใช้ภาษาแล้ว พ่อแม่ยังควรแนะนำให้เด็กเรียนรู้การสื่อสารผ่านทางสายตา ท่าทาง และสีหน้า รวมถึงกระตุ้นให้ลูกแสดงอารมณ์และทัศนคติผ่านคำพูดด้วย ทักษะเหล่านี้จะช่วยหล่อหลอมให้ลูกมีวิถีชีวิตที่ดีและมีคุณธรรมในอนาคต

2.2. ทักษะการแก้ไขความขัดแย้ง

เมื่อต้องสอนเด็กเกี่ยวกับการแก้ไขความขัดแย้ง พ่อแม่ควรเริ่มจากการส่งเสริมให้ลูกตั้งใจฟังและเข้าใจมุมมองของผู้อื่น แนะนำให้เด็กใช้ภาษาที่สุภาพเพื่อแสดงความรู้สึกของตนเองโดยไม่ทำร้ายจิตใจผู้อื่น

พ่อแม่ควรสอนให้ลูกหาทางออกด้วยกัน เช่น การตกลงร่วมกันหรือหาทางเลือกอื่น และสุดท้าย อย่าลืมเน้นย้ำถึงความสำคัญของการขอโทษและการให้อภัย เพื่อรักษาความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน

2.3. ทักษะการบริหารเวลา

ประโยคอย่างเช่น “รู้ไหมตอนนี้กี่โมงแล้ว?”, “เร็วเข้า แม่จะสายแล้ว!”, หรือ “ถ้าตื่นสายกว่านี้จะไปโรงเรียนไม่ทันนะ!” เป็นคำพูดที่พ่อแม่มักใช้กันบ่อย เด็กวัย 9 ขวบแม้จะอ่านนาฬิกาได้แล้ว แต่ยังไม่เข้าใจอย่างแท้จริงถึงความสำคัญของเวลา

แทนที่จะกดดันลูก พ่อแม่ควรสอนให้เด็กจัดตารางเวลาของตัวเอง โดยให้ลูกลองลิสต์สิ่งที่ต้องทำในแต่ละวัน สัปดาห์ หรือเดือน พร้อมกำหนดช่วงเวลาที่แน่นอน สนับสนุนให้ลูกทำตามแผนอย่างจริงจัง เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้

2.4. ทักษะการดูแลบาดแผล

เมื่อลูกเล่นสนุกโดยไม่มีพ่อแม่อยู่ใกล้ ๆ พ่อแม่ควรสอนให้ลูกขอความช่วยเหลือจากผู้ใหญ่ และเรียนรู้วิธีดูแลบาดแผลเล็ก ๆ เช่น การห้ามเลือด การทำความสะอาดแผล การปิดแผลด้วยผ้าก๊อซ และการทายาหากจำเป็น อย่างไรก็ตาม วิธีที่ดีที่สุดคือการสอนให้ลูกเล่นอย่างปลอดภัย เพื่อลดโอกาสเกิดอุบัติเหตุและบาดเจ็บ

2.5. ทักษะการทำงานเป็นทีม

ทักษะการทำงานเป็นทีมเป็นสิ่งสำคัญต่ออนาคตของเด็ก เพราะช่วยส่งเสริมความกระตือรือร้น เพิ่มความสามารถในการสื่อสาร สร้างความมั่นใจ และกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ เพื่อพัฒนาทักษะนี้ พ่อแม่สามารถส่งเสริมให้ลูกเข้าร่วมกิจกรรมชมรมที่โรงเรียน กิจกรรมศิลปะ กีฬาแบบทีม การเรียนเป็นกลุ่ม รวมถึงการเล่นและทำกิจกรรมร่วมกับเพื่อนและครอบครัว

2.6. ทักษะการใช้เครื่องมือนำทาง

เมื่อเด็กอายุ 9 ขวบ พ่อแม่ควรสอนให้ลูกอ่านแผนที่ทั้งแบบกระดาษและแผนที่อิเล็กทรอนิกส์ เพื่อให้สามารถหาทางได้อย่างถูกต้องหากเกิดหลงทาง นอกจากนี้ ควรแนะนำให้ลูกขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือไปยังสถานที่ปลอดภัย เช่น ห้องสมุดหรือร้านน้ำ เพื่อรอให้ผู้ปกครองมารับ

2.7. ทักษะการใช้ระบบขนส่งสาธารณะ

เมื่อลูกโตขึ้น พ่อแม่ไม่สามารถดูแลได้ตลอดเวลา โดยเฉพาะเรื่องการเดินทางไปโรงเรียน แทนที่จะรับส่งตลอดเวลา พ่อแม่ควรสอนให้ลูกเรียนรู้การใช้ระบบขนส่งสาธารณะ เช่น รถเมล์ การเดินทางด้วยเครื่องบิน รถไฟ หรือรถโดยสารประจำทาง เพื่อให้ลูกสามารถเดินทางได้อย่างปลอดภัยและมั่นใจในแต่ละรูปแบบการเดินทาง

2.8. ทักษะการทำงานบ้านด้วยตัวเอง

การสอนให้เด็กวัย 9 ขวบทำงานบ้านจะช่วยเสริมสร้างความเป็นอิสระและความรับผิดชอบ เด็กสามารถช่วยทำงานต่าง ๆ เช่น ซักเสื้อผ้า ทำความสะอาดบ้าน ทำอาหารง่าย ๆ ดูแลสัตว์เลี้ยง และจัดระเบียบห้องของตัวเองเพื่อกระตุ้นให้ลูกสนใจ พ่อแม่สามารถให้ลูกเลือกงานบ้านที่ต้องการทำ จัดการแข่งขันเล็ก ๆ มอบหมายงานที่ชัดเจน และคอยสนับสนุนเมื่อลูกต้องการความช่วยเหลือ

2.9. ทักษะการให้เกียรติผู้อื่น

ทักษะการให้เกียรติผู้อื่นเป็นรากฐานสำคัญของความสัมพันธ์ทางสังคมที่ดี เพื่อให้เด็กเรียนรู้ทักษะนี้ พ่อแม่ควรเริ่มจากการอธิบายความหมายของ “ความเคารพ” ซึ่งรวมถึงการรับฟังและยอมรับความคิดเห็นที่แตกต่าง จากนั้น ควรสอนให้ลูกใช้ภาษาที่สุภาพ แสดงความเห็นอกเห็นใจ และปฏิบัติต่อผู้อื่นด้วยความเคารพ

2.10. ทักษะการคิดเชิงวิเคราะห์

การคิดเชิงวิเคราะห์คือกระบวนการแสวงหาข้อมูล ตั้งเหตุผล และแก้ปัญหาบนพื้นฐานของความถูกต้อง การฝึกทักษะนี้จะช่วยให้เด็กสามารถวิเคราะห์ ประเมิน และแก้ไขปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

2.11. ความรับผิดชอบในการทำการบ้าน

เด็กวัย 9 ขวบหลายคนยังคงรอให้พ่อแม่คอยเตือนก่อนจะเริ่มเรียน ซึ่งอาจทำให้เกิดนิสัยพึ่งพาและขาดความรับผิดชอบ ดังนั้น พ่อแม่ควรฝึกให้ลูกมีวินัยในตัวเอง ตั้งแต่การจัดสรรเวลาเรียนและแบ่งงานให้เหมาะสม เมื่อทำสิ่งนี้ต่อเนื่อง เด็กจะสามารถบริหารเวลาเรียนและทำการบ้านได้ด้วยตัวเอง โดยไม่ต้องรอการเตือนจากพ่อแม่

2.12. ทักษะการป้องกันตัวขั้นพื้นฐาน

พ่อแม่ไม่สามารถปกป้องลูกจากอันตรายได้ตลอดเวลา ดังนั้น ควรให้ลูกเรียนศิลปะการป้องกันตัว เช่น คาราเต้ ไอคิโด หรือมวยไทยโบราณ คลาสเรียนเหล่านี้ไม่เพียงช่วยให้เด็กสามารถป้องกันตัวเองเมื่อจำเป็น แต่ยังส่งเสริมพัฒนาการทางร่างกายได้เป็นอย่างดี

3. ข้อควรระวังในการสอนทักษะชีวิตให้เด็กวัย 9 ขวบ

เพื่อให้การสอนทักษะชีวิตแก่เด็กวัย 9 ขวบได้ผล พ่อแม่ควรคำนึงถึงสิ่งต่อไปนี้:

สนับสนุนให้ลูกฝึกฝนทักษะชีวิตในชีวิตประจำวัน

จัดสรรเวลาให้เหมาะสมกับแต่ละทักษะ เพื่อให้ลูกค่อย ๆ คุ้นเคยและนำไปใช้ได้จริง

คอยให้กำลังใจลูกเสมอ แม้ว่าผลลัพธ์จะยังไม่ดีนัก

พูดคุยกับลูกบ่อย ๆ เกี่ยวกับความรู้สึกและประสบการณ์ที่ได้จากการเรียนรู้ทักษะต่าง ๆ

สร้างสภาพแวดล้อมที่ผ่อนคลาย เพื่อให้ลูกสามารถเรียนรู้และพัฒนาได้อย่างเป็นธรรมชาติ

4. TakaGrow – เพิ่มความสูงด้วยสูตรล้ำสมัยจากญี่ปุ่น

TakaGrow คือความก้าวหน้าทางโภชนาการที่ช่วยให้เด็กวัย 9 ขวบเติบโตได้อย่างเต็มศักยภาพ ด้วยสูตรเฉพาะจากญี่ปุ่น

นมแต่ละแก้วให้แคลเซียมสูงกว่านมทั่วไปถึง 5.7 เท่า ผสานกับ CPP, วิตามิน D3, K2 และ Arginine ที่ช่วยให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียมได้เต็มที่ กระตุ้นการเจริญเติบโตของกระดูกอ่อน และทำให้กระดูกแข็งแรงขึ้น

นอกจากนี้ยังมี 2’FL HMO & FOS ที่ช่วยเสริมระบบย่อยอาหาร, นมเหลือง (Colostrum), Omega 3,6 ที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน และ DHA, Choline, Taurine ที่ช่วยพัฒนาสมอง

ด้วยสูตรโภชนาการที่ล้ำสมัย TakaGrow จึงเป็นตัวเลือกอันดับหนึ่งของพ่อแม่ที่ต้องการให้ลูก สูง แข็งแรง และฉลาดล้ำกว่าใคร

 

ทักษะชีวิตเหล่านี้ไม่เพียงแต่มีประโยชน์ในชีวิตประจำวัน แต่ยังช่วยหล่อหลอมบุคลิกภาพและสร้างทัศนคติที่ดีให้กับเด็ก พ่อแม่ควรร่วมเดินเคียงข้างและสนับสนุนลูกในการฝึกฝนทักษะเหล่านี้ เพื่อให้ทุก ๆ วันเป็นก้าวสำคัญบนเส้นทางการเติบโตของลูก

Share the Post: